ขั้นตอนการยื่นเสียภาษีป้าย
1. ตรวจสอบความปลอดภัยของการติดตั้งป้าย
แน่นอนว่าก่อนตั้งร้านสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือป้ายหน้าร้าน ซึ่งเจ้าของร้านอาจทำเองหรือจ้างทำ แต่ก่อนที่จะนำป้ายไปติดตั้ง จะต้องไปแจ้งรายละเอียดของป้ายที่สำนักงานเขตหรืออำเภอก่อน เพื่อขอคำอนุญาตติดตั้งกับทางสำนักงานเขต เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบลที่เราอาศัยอยู่เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบก่อนว่าลักษณะป้ายของเรานั้น สร้างความเดือดร้อนที่ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือไม่
2. ยื่นเอกสารประกอบเพื่อยื่นชำระภาษี
หลักฐานและเอกสารที่ต้องนำไปประกอบเพื่อยื่นชำระภาษีมีดังต่อไปนี้ – บัตรประจำตัวประชาชน – สำเนาทะเบียนบ้าน – ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม – หนังสือรับรองห้างหุ้นส่วน – ใบอนุญาตติดตั้งป้าย หรือใบเสร็จรับเงินจากร้านทำป้าย
เมื่อเตรียมเอกสารทั้งหมดพร้อมแล้ว เจ้าของป้ายนั้นจะต้องนำเอกสารและหลักฐานไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป. 1) ที่สำนักงานเขตหรืออำเภอ โดยพนักงานจะดำเนินการได้ 2 กรณี คือ 1.พร้อมชำระภาษีป้ายได้ทันที 2. ไม่พร้อมชำระภาษีทันที ซึ่งจะเข้าข่ายกรณีใดนั้นขึ้นอยู่กับการประเมินของเจ้าหน้าที่ สำหรับการชำระภาษีนั้นผู้เป็นเจ้าของป้ายหรือผู้ครอบครองป้ายจะต้องยื่นแบบ ภ.ป.1 ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี และชำระภายในเดือนมีนาคม แต่หากมีการติดตั้งป้ายใหม่หรือเปลี่ยนแปลงข้อความของป้าย จะต้องยื่นแบบ ภ.ป.1 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ติดตั้งใหม่ หรือที่เปลี่ยนแปลงข้อความของป้ายใหม่
อัตราค่าภาษีป้าย แบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามลักษณะและขนาดของป้ายดังนี้
ป้ายประเภทที่ 1 หมายถึง ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน ให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ป้ายประเภทที่ 2 หมายถึง ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ หรือปนกับภาพและเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ป้ายประเภทที่ 3 หมายถึง (ก) ป้ายที่ไม่มีอักษรไทย หรือ (ข) ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตรเมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้เสียค่าภาษีป้ายละ 200 บาท ป้ายประเภทที่ 4 หมายถึง ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้าย ข้อความ ภาพ หรือเครื่องหมายบางส่วนในป้ายที่ได้เสียภาษีแล้ว อันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีป้ายเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตราตาม (1) (2) หรือ (3) แล้วแต่กรณี และให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น ป้ายทุกประเภทเมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้ว ถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้เสียภาษีป้ายละ 200 บาท
แม้ภาษีป้ายจะมีอัตราค่าชำระอยู่ไม่มากแต่อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่หลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีอยู่ กฎหมายก็ได้กำหนดโทษบุคคลจำพวกนี้ ตามลำดับความผิดดังต่อไปนี้ 1. ผู้เป็นเจ้าของป้ายรายใดไม่ยื่นแบบภายในกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 10 ของค่าภาษี 2. ผู้เป็นเจ้าของป้ายรายใดไม่ชำระเงินค่าภาษีภายในกำหนด จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 2 ของค่าภาษี 3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีป้ายไว้ ณ ที่เปิดเผยในสถานประกอบการค้า หรือประกอบกิจการ และนี่ก็คือระเบียบการโดยย่อเกี่ยวกับการชำระภาษีป้าย นับว่าเป็นอีกเรื่องเล็กๆที่ไม่ควรมองข้ามไปเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ ดังนั้นสำหรับใครมีกิจการหน้าร้าน แอดมินก็อยากให้ตรวจสอบข้อมูลภาษีป้ายกับบทความนี้อีกครั้ง เพื่อจะได้แน่ใจด้วยว่ากิจการของคุณได้ดำเนินตามกฎหมายทุกข้ออย่างไร้ข้อตกหล่นใดๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก www.rd.go.th
ข่าว ณ. วันที่ 26 ม.ค. 2564 เวลา 14.27 น. โดย คุณ ญนุชจรี รอดทอง
ผู้เข้าชม 707 ท่าน |